เทคโนโลยี ภาพเสียงไร้สาย
จัดทำโดย
นายอาทิตย์ ยลระบิล รหัสนักศึกษา 6031280069
เทคโนโลยี ภาพเสียงไร้สาย
DLNA
DLNA
ลักษณะการเชื่อมต่อของ DLNA
ตัว
DLNA นั้นเป็นเทคโนโลยีที่เน้นการใช้งานในพื้นที่ส่วนตัว สมชื่อ Digital
Living (แรกเริ่มมีชื่อว่า Digital Home Working Group ด้วยซ้ำ)
ใช้หลักการของ Universal Plug and Play (uPnP)
ที่ใช้อินเตอร์เน็ตวงเดียวกันเพื่อค้นหาอุปกรณ์และสั่งงาน การทำงานของ DLNA
นั้นจะเป็นลักษณะของการชี้เป้าให้อุปกรณ์แสดงผลสามารถดึงข้อมูลจากอุปกรณ์อีกตัวผ่านวง
LAN เดียวกัน เช่น ให้ทีวีดึงหนังจากฮาร์ดดิสก์ NAS มาเล่น
หรือการเอาเพลงจากมือถือไปเล่นบนลำโพงที่รองรับ
โดยอุปกรณ์ที่สั่งงานนั้นไม่จำเป็นต้องเปิดอยู่ตลอดเวลา สำหรับจุดด้อยของ
DLNA คือไม่สามารถดึงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตภายนอกโดยตรงไม่ได้
จะเป็นการเอาข้อมูลที่เข้าถึงได้ในวง LAN เท่านั้นApple TV (AirPlay)
Apple TV นั้นเป็นอุปกรณ์ของทางแอปเปิลที่ผลิตออกมาเพื่อเชื่อมต่อให้ทีวีมีความสามารถมากยิ่งขึ้น ทั้งด้วยระบบปฏิบัติการ tvOS ในตัวและเทคโนโลยี AirPlay แต่ผมจะจับในแง่ของ AirPlay ที่เป็นการเชื่อมต่อไร้สายมาพูดถึง
1. รูปแบบการสตรีม หรือก็คือตัวที่เรียกว่า AirPlay เปล่าๆ นั่นแหละ สามารถสตรีมวิดีโอ,เพลง จากเครื่อง หรือผ่านแอปที่
รองรับไปเข้า Apple TV เพื่อแสดงบนทีวี ระหว่างนั้นอุปกรณ์ที่สั่งก็สามารถใช้งานอย่างอื่นได้ รวมถึงใช้เป็นรีโมทได้
รองรับไปเข้า Apple TV เพื่อแสดงบนทีวี ระหว่างนั้นอุปกรณ์ที่สั่งก็สามารถใช้งานอย่างอื่นได้ รวมถึงใช้เป็นรีโมทได้
2. รูปแบบ Mirroring
หรือ AirPlay Mirroring แสดงภาพจอของอุปกรณ์บนหน้าจอทีวีที่ต่อกับ Apple
TV โดยโหมดนี้จะเป็นการถ่ายทอดภาพ เราจิ้ม ขยับอะไรในอุปกรณ์
ก็จะแสดงผลบนจอทีวีเหมือนกัน เพียงแต่จะซ่อนเมนูบางอย่างออกให้ เช่น
สถานะเครื่อง (แบต, สัญญาณ Wi-Fi)
แต่ข้อด้อยที่ต้องพูดถึงของ Apple TV ก็คือการที่รองรับการเชื่อมต่อแค่กับอุปกรณ์ Apple เท่านั้น หรือก็คือใช้ได้แค่กับระบบ iOS กับ Macbook อุปกรณ์อื่นๆ จากฝั่ง PC, Android มาใช้ร่วมไม่ได้
แต่ข้อด้อยที่ต้องพูดถึงของ Apple TV ก็คือการที่รองรับการเชื่อมต่อแค่กับอุปกรณ์ Apple เท่านั้น หรือก็คือใช้ได้แค่กับระบบ iOS กับ Macbook อุปกรณ์อื่นๆ จากฝั่ง PC, Android มาใช้ร่วมไม่ได้
Miracast
เทคโนโลยี Miracast นั้นเรียกว่าเป็น AirPlay สำหรับอุปกรณ์ทั่วไปก็คงไม่ผิดนัก เพราะมีลักษณะการทำงานของเทคโนโลยีนี้ก็มีส่วนคล้ายกับ AirPlay ของทางแอปเปิล ชื่อ Miracast นั้นถูกประกาศขึ้นในปี 2012 โดยกลุ่ม Wi-Fi Aliance เทคโนโลยีเบื้องหลังของ Miracast ก็คือ Wi-Fi Direct นั่นเอง ทำให้ไม่จำเป็นต้องต่อเข้า Router เรียกได้ว่าเหมอนกับ Wireless HDMI ก็ว่าได้ แล้วก็มีการผลักดันกันในอุตสาหกรรมเกิดขึ้น โดยทาง Google เองก็ทำให้ Android 4.2 ขึ้นไปรองรับการใช้ Miracast ด้วยแม้ว่าผู้ผลิตจำนวนมากจะนำเทคโนโลยี Miracast ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างแพร่หลาย แต่ทว่า ด้วยเหตุที่ Miracast นั้นไม่มีการกำหนดมาตรฐานไว้ชัดเจนทั้งในเรื่องของ Latency (ช่วงเวลาหน่วง) ที่ไม่ได้กำหนดเพดานสูงสุดไว้, การใช้งานอุปกรณ์เสริมบางอย่างที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างผู้ผลิตมาเจอกันแล้วใช้งานไม่ได้ และการตั้งชื่อของผู้ผลิตแต่ละเจ้าก็เละเทะจนผู้ใช้ไม่รู้ว่ามันคือเทคโนโลยี Miracast ตัวเดียวกัน ตัวอย่างเช่น LG ใช้ชื้อว่า SmartShare, Samsung ใช้ชื่อว่า AllShare Cast, Panasonic ตั้งชื่อว่า Display Mirroring และ Sony ก็ตั้งว่า Screen Mirroring
ezcast
EZCast 5G
EZCast 5G รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะมาทดแทน EZCast W2 ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของไวไฟให้ดีขึ้น เสถียรขึ้น อีกทั้งฮาร์ดแวร์ชุดใหม่ที่ทำงานได้ดีกว่าเดิม
เปลี่ยน TVธรรมดาๆ คุณให้สามารถเชื่อมต่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ คุณสามารถดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ ได้โดยการควบคุมผ่าน Smart Phone (Android/Iphone),Tablet และคอมพิวเตอร์ จะสามารถแชร์ข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ ไฟล์ Documet Ebook หรือแม้กระทั่งเกมส์ เข้าสู่จอTV ได้เลย
รองรับ iOS 8.0+, MacOS10.8+ , Windows8.1+, Android 4.3+
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น